‘แพทองธาร’ หลุดนายกฯ ธุรกิจระส่ำ-เริ่มนับ1ใหม่ กังวลเปลี่ยนขั้ว-ยุบสภา (2025)

‘แพทองธาร’ หลุดนายกฯ ธุรกิจระส่ำ-เริ่มนับ1ใหม่ กังวลเปลี่ยนขั้ว-ยุบสภา (1)

“แพทองธาร” พ้นตำแหน่งนายกฯ หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำพิพากษา คดีคลิปเสียงคุยกับฮุน เซน ระบุผิดจริยธรรมร้ายแรง ครม.พ้นทั้งคณะ ต้องลงคะแนนเลือกนายกฯใหม่ “ศิริกัญญา” พรรคประชาชน อึ้งสะท้อนหลักนิติธรรม เพราะศาล รธน. ใช้ข้อหาผิดจริยธรรมสอยนายกฯ 2 คน ในเวลาไม่ถึง 1 ปี หวั่นฉุดเชื่อมั่นนักลงทุน ส.อ.ท.ชี้เกิดสุญญากาศทางการเมืองทำให้ทุกอย่างแย่ลง ส่วนธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย กังวลรัฐบาลเปลี่ยนขั้ว นโยบายไม่ต่อเนื่อง กสิกรฯมองหากเปลี่ยนขั้ว หรือยุบสภา กระทบทิศทางดำเนินงานแน่นอน เช่นเดียวกับกลุ่มตลาดทุนห่วงหากการเมืองไปถึงขั้นยุบสภา ทุกอย่างจะยิ่งล่าช้า

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ ในคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็น สว. 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธารและสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

ศาลชี้นายกฯไม่รอบคอบ

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 29 ส.ค. เวลา 15.00 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย โดยสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า การกระทำของผู้ถูกร้องที่ขอความเห็นใจจากสมเด็จฮุน เซน ไม่ใช่เทคนิคการเจรจาตามที่ผู้ถูกร้องกล่าวอ้าง แต่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ขาดความรอบคอบและระมัดระวัง ซึ่งตามวิสัยและพฤติการณ์ของผู้ถูกร้อง ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควรจะต้องมีวิจารณญาณในการเลือกกระทำการ โดยไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตามหน้าที่ที่บัญญัติไว้ตามรัฐธรรมนูญ 164 วรรคหนึ่ง (1)

โดยเมื่อผู้ถูกร้องมีประโยชน์ส่วนตัวคือคะแนนนิยมและเสถียรภาพของรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้อง หรือเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติหน้าที่ ผู้ถูกร้องกลับไม่คำนึงถึงและยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง การกระทำดังกล่าวเป็นการลดทอนหรือทำให้เสียหายซึ่งเกียรติภูมิหรือเกียรติของนายกฯ และประเทศไทย เพราะความนิยมซึ่งหมายความว่า เกียรติที่ได้รับการยกย่องจากสังคมหรือนานาชาติ และการนับถือของประเทศชาติ

“แพทองธาร” หลุดเก้าอี้

ดังนั้น ผู้ถูกร้องจึงมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันทำให้ผู้ถูกร้องมีขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (5) อาศัยเหตุผลดังกล่าวจึงวินิจฉัยว่า (เสียงข้างมาก 6 ต่อ 3) ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (5) นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ คือวันที่ 1 กรกฎาคม 2568

และรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 168 วรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งต่อไป

ขั้นตอนเลือกนายกฯใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ ครม.ทั้งคณะพ้นตำแหน่ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 (1) แต่จะทำหน้าที่รักษาการต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 168 (1) โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีรักษาการ

ADVERTISMENT

หลังจากนี้ พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล จะต้องพยายามรวบรวมเสียง สส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาลขึ้นใหม่ และเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามมาตรา 159 ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการรวบรวมเสียง

เมื่อแกนนำรัฐบาลสามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาเลือกนายกฯ ในบัญชีแคนดิเดตนายกฯ ที่พรรคการเมืองแจ้งกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 โดยในบัญชีนายกฯของพรรคเพื่อไทย มีนายชัยเกษม นิติสิริ ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯคนสุดท้ายของพรรค

ต้องได้คะแนนเกิน 247 เสียง

ทั้งนี้ การเสนอชื่อนายกฯ ในสภาจะต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจํานวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในปัจจุบันมี 492 คน และการลงมติของสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกนายกฯ จะต้องโหวตโดยเปิดเผยด้วยการขานชื่อ และต้องมีคะแนนเสียงเกินกว่า 247 เสียง ซึ่งเป็นเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ สส.ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

ศิริกัญญาชี้กระทบเศรษฐกิจ

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การที่คำตัดสินของศาลออกมาว่าให้นายกฯพ้นจากตำแหน่งนั้น ไม่ได้ทำร้ายเพียงแค่เสถียรภาพของรัฐบาล แต่สะท้อนถึงหลักนิติธรรมของกฎหมาย ขององค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ว่าสามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรี ในข้อหาจริยธรรมได้ถึงสองคนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี

ส่วนตัวจึงมองว่าเรื่องนี้น่าจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยในแง่ของนักลงทุนแน่นอน ว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบอะไรกันแน่ และอาจจะทำให้ในระยะยาวในอนาคตไทยอาจจะไม่ใช่ประเทศที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจมาลงทุนต่อหรือเพิ่มขึ้นอีก เพราะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น

“เข้าใจดีว่านายกรัฐมนตรีก็มีปัญหาในเรื่องของความชอบธรรมแน่นอน แต่ไม่อยากให้ใช้กลไกขององค์กรอิสระหรือว่าศาลรัฐธรรมนูญในการที่จะถอดถอนตัวนายกรัฐมนตรี และมีความคิดว่าสภา หรือว่าสภาไทยยังคงเป็นทางออกให้ได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะรอด แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะดำเนินการในการที่จะยื่นซักฟอกนายกรัฐมนตรีต่อไปเช่นเดียวกัน” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

ชี้สอยนายกฯเข้าทางฮุน เซน

ที่พรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย มวลชนได้ลุกขึ้นโห่ และตะโกนร้องเพื่อไทยสู้ต่อ ๆ เพื่อไทยสู้ ๆ เข้าทางฮุน เซน

ตัวแทนมวลชนเสื้อแดงที่ได้เดินทางมา ติดตามผลคำวินิจฉัยที่พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ต้องตกใจ อย่างน้อยมีนายชัยเกษม นิติสิริ เราคิดอยู่แล้วว่ารูปการณ์จะออกมาเป็นแบบนี้ เราสนับสนุนเพื่อไทย ไม่ว่าจะส่งใครลง เราจะยังขอเลือกพรรคเพื่อไทยตลอดไป นายชัยเกษมเป็นนายกฯต่อได้แน่นอน

เราเชื่อมั่นว่าพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีไปไหน เราจะเป็นกำลังใจยืนเคียงข้างกับพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค พรรคเพื่อไทยถูกเลือกมา 12 ล้านเสียง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เรามวลชนคนเสื้อแดงจะยืนเคียงข้างพรรคเพื่อไทยตลอดไป

ประชาชาติยันร่วมเพื่อไทย

นายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา และเลขาธิการพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์หลังมติของศาลรัฐธรรมนูญให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากความเป็นนายกฯ และให้ ครม.พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะว่า พรรคประชาชาติยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยให้ดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล และนำเสนอแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยต่อสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าพรรคเพื่อไทยควรเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลพูดคุยโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ และไม่ให้เป็นปัญหาต่อการบริหารหรือแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์ว่าหากให้พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลอาจไม่ได้รับความเชื่อมั่น นายซูการ์โนกล่าวว่า มั่นใจว่าไปได้ เพราะหากเทียบกับรัฐบาลที่ผ่านมา พบว่าเสียงสนับสนุนปริ่มน้ำ และเมื่อสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างที่เห็น คือ เน้นการตรวจสอบการทำงาน ดังนั้น สส.ต้องมีความรับผิดชอบให้มากกว่าเดิม นอกจากนั้นแล้วในการทำงานต้องมีนโยบายเพื่อประโยชน์กับประชาชน

“การตั้งรัฐบาล พรรคประชาชาติพร้อมร่วมตั้งรัฐบาล จับมือกับพรรคเพื่อไทยเดินหน้าต่อไป เพราะตั้งแต่สมัยนายกฯเศรษฐา ทวีสิน หรือ น.ส.แพทองธาร พรรคประชาชาติ พร้อมจับมือร่วมเดินหน้า ส่วนความเชื่อมั่นนั้น วันนี้ยังไม่เห็นหน้าตาของ ครม.ใหม่ การวาดภาพไปก่อนคงไม่ได้” นายซูการ์โนกล่าว

CIMB ประเมินความเสี่ยง

ด้านความคิดเห็นของภาคเอกชนต่อการเมืองหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสิน ดร.อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย หรือ CIMB THAI เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเมินกรณีคำตัดสินของศาลออกมา “รอดคดี” และ “ไม่รอดคดี” ภายใต้ 2 ฉากทัศน์ เพราะไม่ว่าคำตัดสินจะออกมารูปแบบไหน อยากให้มองข้ามไปข้างหน้าว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงมากขึ้น ทั้งจากความไม่แน่นอนทางการเมือง สงครามการค้าจากนโยบายภาษีสินค้านำเข้าสหรัฐ (Reciprocal Tariffs) รายได้ครัวเรือนโตต่ำ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นแรงกดดันต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยขยายตัวต่ำ หรือหดตัวเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส (QOQ)

ดังนั้น นโยบายรัฐบาลในระยะข้างหน้าจะต้องเร่งความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ และเร่งการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องเป็นนโยบายระยะยาวมากกว่านโยบายระยะสั้นเพียงเท่านั้น เช่น นโยบายการแจกเงิน เป็นต้น

หวั่นเปลี่ยนขั้วนโยบายไม่ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี หากมองกรณีคำตัดสินศาลวินิจฉัยว่า “รอดคดี” รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นทันที และกรณีคำวินิจฉัย “ไม่รอดคดี” มองว่า 1.หากเปลี่ยนตัวนายกฯ โดยเป็นคุณชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย เป็นนายกฯคนใหม่ นโยบายต่าง ๆ ยังคงมีความต่อเนื่อง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนักลงทุนที่กำลังรอดูสถานการณ์ (Wait & See) เพื่อตัดสินใจลงทุน จะรอดูสถานการณ์ไม่นาน

2.กรณีเปลี่ยนขั้วรัฐบาล นักลงทุนจะต้องรอดูความต่อเนื่องของนโยบายต่าง ๆ ที่จะออกมา ส่งผลให้การรอดูสถานการณ์และการตัดสินใจลงทุนต่าง ๆ จะใช้ระยะเวลานานขึ้น หรือ Wait & See นานขึ้น เพื่อรอดูความชัดเจน ซึ่งจะทำให้สูญเสียโอกาสในการลงทุน และกระทบต่อภาคการลงทุนได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ธนาคารกังวล คือกรณีนายกฯรอดคดี แต่เสียงในสภาผู้แทนราษฎรปริ่มน้ำ จนนำมาสู่การยุบสภา ส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ ความเชื่อมั่น และเศรษฐกิจภาพรวม เนื่องจากจะทำให้การเบิกใช้งบประมาณสะดุดและหยุดชะงัก ซึ่งจะกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวม

คำตัดสินกระทบความเชื่อมั่น

“คำตัดสินจะออกมาอย่างไร รอด หรือไม่รอด จะกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน ทั้งเอกชนและต่างชาติ ซึ่งวันนี้ทุกคนรอดู Wait & See เพื่อรอดูคำตัดสินและความชัดเจนหลังจากนี้ ซึ่งความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้เราสูญเสียโอกาสการลงทุน ดังนั้น หากมองข้ามชอตระยะกลาง 3-6 เดือน ความเสี่ยงทางการเมืองยังคงมีอยู่ อาจจะทำให้เกิดความไม่แน่นอน และเสียโอกาสในการลงทุน ซึ่งหลังจากนี้รัฐบาลไม่มีเวลาแล้วจะต้องเร่งความเชื่อมั่นเร่งการลงทุน เพื่อรองรับความเสี่ยงเศรษฐกิจที่ไม่ดีในระยะข้างหน้า”

กสิกรฯมองสอยนายกฯ-วุ่นหนัก

นายบุรินทร์ อดุลวัฒนะ กรรมการผู้จัดการ และ Chief Economist บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ภายใต้สมมุติฐานคำตัดสิน “นายกรัฐมนตรีไม่มีความผิด” ทุกอย่างยังคงดำเนินต่อเนื่อง ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

อย่างไรก็ดี กรณี “นายกฯมีความผิด” หยุดปฏิบัติหน้าที่ และมีการเปลี่ยนตัวนายกฯ แต่พรรคร่วมรัฐบาลยังเป็นชุดเดิม มองว่า ผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายด้านต่าง ๆ และความเชื่อมั่นจะกระทบจำกัด

หากคำตัดสิน “นายกฯมีความผิด” และพรรคร่วมรัฐบาลแตก มีการเปลี่ยนขั้ว และมีการยุบสภา จะกระทบต่อทิศทางการดำเนินนโยบายด้านต่าง ๆ และการเบิกใช้งบประมาณล่าและสะดุดได้ กระทบต่อความเชื่อมั่นการลงทุน และความเชื่อมั่นของรัฐบาล ซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจภาพรวมแน่นอน

“เรามองว่าหากแค่เปลี่ยนตัวนายกฯ แต่พรรคร่วมเป็นชุดเดิม ผลกระทบจะมีจำกัด เพราะที่ผ่านมา เรามีนายกฯรักษาการแทน ซึ่งดำเนินนโยบายด้านต่าง ๆ ได้ แต่หากเปลี่ยนขั้ว พรรคแตก และยุบสภา กรณีนี้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจะมีมากกว่า”

ตลาดทุนกังวล “ยุบสภา”

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM กล่าวว่า ในมุมตลาดทุน หากรัฐบาลไม่ถึงขั้นยุบสภา กระบวนการข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการด้านตลาดทุนต่าง ๆ ก็คงไม่สะดุด น่าจะเดินต่อไปได้ แต่หากถึงขั้นยุบสภา ก็ต้องรอเลือกตั้ง และเริ่มกระบวนการเสนอกันใหม่ ซึ่งคงใช้เวลาอีกเป็นปี

“ไม่ใช่แค่ตลาดทุน แต่ทุกคนถ้ามีการเลือกตั้งใหม่ รัฐบาลมีการเปลี่ยน หรือมีการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งต้องใช้เวลานานกว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามา กว่าจะรู้นโยบาย ก็ข้ามไปอีกเป็นปี”

หอค้าฯมองบั่นทอนศรัทธา

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นเงื่อนไขสำคัญที่บั่นทอนศรัทธา การขับเคลื่อนเศรษฐกิจจึงน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเรากำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจที่หนักอยู่แล้ว

ขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญปัญหารุมเร้า ทั้งกำลังซื้อที่ถดถอย หนี้ครัวเรือนสูง ภาษีการค้าของสหรัฐ ภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ตึงเครียด ความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมถึงปัญหาชายแดนและการปิดด่านกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทั้งหมดส่งผลโดยตรงต่อภาคธุรกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว

“เอกชนและนักลงทุนต่างชาติจับตามองการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด หากการเมืองยังไร้เสถียรภาพต่อไป ความเชื่อมั่นก็จะสั่นคลอนหนักขึ้น นักลงทุนจะลังเล การท่องเที่ยวจะชะลอตัว ทุกอย่างจะกระเทือนเป็นลูกโซ่”

เร่งหานายกฯ-ครม.ใหม่

“สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือฝ่ายการเมืองต้องเร่งหานายกรัฐมนตรีใหม่ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประเทศมีผู้นำที่สามารถสานต่อการทำงานได้โดยเร็ว เพราะการฟื้นฟูประเทศไม่สามารถทำได้เพียงฝ่ายเดียว การเมืองต้องนิ่ง มีเสถียรภาพ และเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบมาตรการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จึงจะสร้างความมั่นใจให้กับสังคมและนักลงทุนได้ แต่จากนี้ภาคเอกชนต้องการเห็นการฟอร์มคณะรัฐมนตรีที่ดี ได้บุคลากรที่มีฝีมือและเป็นที่ยอมรับเข้าบริหารประเทศ” ดร.พจน์กล่าว

เอกชนขอมีรัฐบาลแก้ปัญหา

ดร.พจน์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการคือความชัดเจน รวมไปถึงความสงบทางด้านทางการเมือง หากพิจารณาไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ก็อยากจะให้ทางรัฐบาลเดินหน้าสร้างความชัดเจนให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและการสร้างเสถียรภาพทั้งในและต่างประเทศ

รวมไปถึงด้านการค้าและการลงทุน เพราะปัจจุบันประเทศไทยได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจจากหลายด้าน รวมไปถึงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปัญหาด้านความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา

ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

หากนายกรัฐมนตรียังคงดำรงตำแหน่ง อยากให้เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเร็ว หากจำเป็นจะต้องตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ หรือจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้การทำงานมีความเข้มข้นมากขึ้นก็ต้องเร่งทำ เพื่อให้ได้รัฐมนตรีที่เข้ามาทำงานที่หนักขึ้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่ได้ดำรงตำแหน่งแล้ว ผู้ที่จะเข้ามาใหม่ ทางภาคเอกชนต้องการให้มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยเร็ว และเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

“ขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในภาวะที่ท้าทายจากหลายปัจจัยที่กระทบ ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศ เพราะเศรษฐกิจไทยตอนนี้ชะลอตัว ทุกฝ่ายทั้งด้านการเมือง ภาคเอกชน ภาคราชการจำเป็นจะต้องร่วมมือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีการเติบโตให้ได้โดยเร็ว”

ส.อ.ท.ห่วงงบฯเบิกจ่ายล่าช้า

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า หากการตัดสินของศาล พิพากษาว่านายกรัฐมนตรีรอด จะส่งผลดีต่อนโยบายเศรษฐกิจที่จะถูกขับเคลื่อนต่อไปได้ ทั้งการเจรจาภาษีทรัมป์ การแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา มาตรการต่าง ๆ ที่กำลังพิจารณาอยู่จะไม่สะดุด รวมถึงความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน

แต่ถ้าไม่รอดจะเกิดสุญญากาศทางการเมือง จะเกิดขั้วใหม่ เลือกตั้งใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน ในขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังล่าช้า งบประมาณก็จะสะดุดไปด้วย จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะมีปัญหาไปด้วย จากเดิมที่ชะลอจากความไม่ชัดเจนของภาษีทรัมป์อยู่แล้ว และจะยิ่งทำเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวจะฟื้นตัวได้ยาก กระทบเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ส่วนหากจะมีการคัดเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขอคนที่เข้ามาเร่งแก้ปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด และเชื่อว่าจะมีคนที่เหมาะสมอยู่

นายกฯคนนอกเสี่ยงสูง

ส่วน ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หากคำตัดสินของศาล รธน.กรณีคลิปเสียงนายกฯแพทองธารา ลงมติว่าไม่ผิดถือเป็นข้อดี รัฐบาลจะกลับเข้ามาบริหารประเทศได้อย่างครบถ้วนถูกต้อง จะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายเป็นไปตามแผน โดยเฉพาะการพิจารณางบประมาณปี 2569 ต้องให้แล้วเสร็จก่อนเดือนตุลาคม ซึ่งงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารงานปีหน้า เพราะจะเป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้ามาในระบบปี 2569

แต่หากคำตัดสินของศาล รธน.ลงมติว่าผิด ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่า คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปควรมองจากคนในรัฐบาลและคนในพรรคเพื่อไทยก่อน ซึ่งคนในพรรคเพื่อไทยยังมีคนเก่งหลายคน น่าจะมีความสามารถ ในเชิงเปรียบเทียบกับนายกฯที่มาจากคนนอก มองว่า อาจจะมีความเสี่ยงมากกว่า และเสี่ยงสูงกว่า ถ้าบริหารไปไม่รอดจะยิ่งทำให้เสถียรภาพทางการเมืองแย่ลง และไม่มั่นคง และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

จี้รัฐบาลเรียกความเชื่อมั่น

ดร.สิทธิพงษ์ สิทธิภัทรประภา นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่สงขลา เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หากนายกฯแพทองธาร รอดพ้นคดีจะต้องดำเนินการวาระเร่งด่วน คือ 1.ปรับเปลี่ยนการบริหารเศรษฐกิจ ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะจุด ไม่ต้องการให้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบหว่านแห 2.นโยบายท่องเที่ยวคนละครึ่ง จะต้องให้ขยายจำนวนสิทธิเพิ่มขึ้น และขยายเข้าสู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 3.การท่องเที่ยวชายแดนต้องทำระบบการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มคืนให้กับนักท่องเที่ยว (VAT REFUND FOR TOURISTS) และต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนให้เกิดเป็นรูปธรรมทันใช้

ในกรณีนายกฯไม่รอดพ้นคำพิพากษา ต้องคัดเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตรงสเป็ก ที่สามารถเรียกคืนความเชื่อมั่นให้กลับมาได้ทันทีทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเรื่องเศรษฐกิจจะต้องปรับ ครม.เศรษฐกิจนำมืออาชีพตัวจริงเข้ามา เพื่อทำการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ตรงเป้าหมายอย่างจริงจังได้ทุกกลุ่ม จะได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างทันท่วงที

แอตต้าชี้ทุกอย่างชะงักหมด

นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ประเทศไทยต้องกลับมาเผชิญกับสุญญากาศทางการเมืองอีกครั้ง นโยบายของรัฐบาลขาดความต่อเนื่อง การมีรัฐบาลใหม่คงใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ทำให้เศรษฐกิจที่อ่อนแอมากอยู่แล้ว การเติบโตในช่วงครึ่งหลังของปีที่มีการคาดว่าจะโตเพียง 1% อาจโตต่ำกว่าระดับดังกล่าวได้ โดยคาดหวังว่าการตั้งรัฐบาลใหม่ภายใน 1-2 เดือน ควรมี ครม.เข้ามาบริหารงานได้เต็มอำนาจแล้ว เพื่อไม่ให้ทุกอย่างซึมตัวลง เหมือนช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทุกอย่างซึมลงจากการที่นายกฯ ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

“เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี การท่องเที่ยวในประเทศที่คาดหวังว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ เกิดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงสุดท้ายของปี 2568 แต่ปีนี้อาจมีการเดินทางลดน้อยลง ส่วนตลาดต่างประเทศ นโยบายการกระตุ้นตลาด หรือการพัฒนาภาคการท่องเที่ยวที่ต้องใช้งบประมาณ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกในเมืองรอง หรือโครงการใหญ่ ๆ ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจของรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม คงต้องหยุดชะงัก หรือมีการเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เปิดผล ‘นิด้าโพล’ คนไทยอยากได้คนแบบไหน เป็นนายกฯ คนใหม่
  • กฤษฎีกา มองอำนาจ ‘นายกฯรักษาการ’ ยุบสภา ไม่ได้ เตือนอย่าให้กระทบกระเทือนเบื้องพระยุคลบาท
  • สศช. ชี้ ‘อิ๊งค์’ หลุดนายกฯ ไร้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ มองปัญหาหลักอยู่ที่โครงสร้าง

‘แพทองธาร’ หลุดนายกฯ ธุรกิจระส่ำ-เริ่มนับ1ใหม่ กังวลเปลี่ยนขั้ว-ยุบสภา (2025)
Top Articles
Latest Posts
Recommended Articles
Article information

Author: Kimberely Baumbach CPA

Last Updated:

Views: 5687

Rating: 4 / 5 (41 voted)

Reviews: 88% of readers found this page helpful

Author information

Name: Kimberely Baumbach CPA

Birthday: 1996-01-14

Address: 8381 Boyce Course, Imeldachester, ND 74681

Phone: +3571286597580

Job: Product Banking Analyst

Hobby: Cosplaying, Inline skating, Amateur radio, Baton twirling, Mountaineering, Flying, Archery

Introduction: My name is Kimberely Baumbach CPA, I am a gorgeous, bright, charming, encouraging, zealous, lively, good person who loves writing and wants to share my knowledge and understanding with you.